ระหว่างคนทำงานกับคน vs ระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ใครเหนือกว่า
มนุษย์กับ AI: ทางเลือกแห่งอนาคต
ในยุคดิจิทัลที่เทโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายแง่มุมของชีวิต
particularly in the workplace.
คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ อะไรคือรูปแบบการทำงานที่เหมาะสมที่สุด: การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ (Human-to-Human) หรือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร AI (Human-to-Machine)?
1. การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์
รูปแบบการทำงานแบบดั้งเดิมนี้ มนุษย์จะทำงานร่วมกัน แบ่งปันความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และไอเดีย ผ่านการสื่อสาร การประชุม การระดมสมอง และการทำงานเป็นทีม
ข้อดี:
- ความคิดสร้างสรรค์: มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดวิเคราะห์ หาไอเดียใหม่ ๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ดี
- ความฉลาดทางอารมณ์: มนุษย์สามารถเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ความต้องการของผู้อื่น ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี การทำงานเป็นทีม และความสามัคคี
- ทักษะการสื่อสาร: มนุษย์สามารถสื่อสารความคิด ความรู้สึก ความตั้งใจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเรียนรู้: มนุษย์สามารถเรียนรู้จากกันและกัน แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และทักษะ
ข้อเสีย:
- ข้อจำกัดทางกายภาพ: มนุษย์มีขีดจำกัดทางร่างกาย ทำงานได้ช้า เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
- อคติ: มนุษย์มีอคติส่วนตัว อาจส่งผลต่อการตัดสินใจ การทำงาน และความสัมพันธ์
- อารมณ์: อารมณ์ ความรู้สึก ของมนุษย์ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
คนมีอคติมีความรู้สึก"นิสัยผีเข้าผีออก"ตามอารมณ์ ส่วนระบบ AI ไม่มีคติไม่มีความรู้สึกไม่มีอารมณ์เหมือนมนุษย์ ทำให้ง่ายต่อการทำงาน ที่ไม่เหมือนมนุษย์ ที่พูดยากมากเรื่องใช่ไหมละท่านผู้อ่าน (รู้สึกอมยิ้ม)
2. การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร AI
AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในสถานที่ทำงาน ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังช่วยเพิ่มเรื่องเวลาได้เร็วขึ้นอีกด้วย AI ทำงานหนักกว่าคนเป็น100เท่า
ข้อดี:
- ประสิทธิภาพ: AI ทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล และตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล
- ความแม่นยำ: AI ทำงานได้อย่างแม่นยำ ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด
- การทำงานซ้ำ: AI สามารถทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ หนักหน่วง ช่วยให้มนุษย์มีเวลาโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า
- การเข้าถึงข้อมูล: AI สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาล วิเคราะห์ และดึงข้อมูลที่จำเป็นมาใช้
ข้อเสีย:
- ความคิดสร้างสรรค์: AI ยังขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่สามารถคิดวิเคราะห์ หาไอเดียใหม่ ๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้ดีเท่ามนุษย์
- ความฉลาดทางอารมณ์: AI ไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ความต้องการของมนุษย์
- ทักษะการสื่อสาร: AI สื่อสารกับมนุษย์ได้ไม่ดีเท่ามนุษย์
- การสูญเสียงาน: AI อาจเข้ามาแทนที่งานบางประเภท ทำให้มนุษย์สูญเสียงาน
AI สามารถทำงาน ซ้ำๆได้ทั้งวันและตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นมนุษย์ ทำงานแบบซ้ำๆตลอดเวลา หลายชั่วโมง ก็จะขี้เกียจน่าเบื่อ รวมทั้งไม่ค่อยทำเวลาชอบทำงานช้าๆ
หากคุณเลือกที่จะใช้ระบบ AI นี้คือข้อดีข้อเสียของมัน
การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI เริ่มมีตั้งแต่ปี ค.ศ 1990 มาหลายทศวรรษแล้วและมีการพัฒนาระบบ ทั้ง AI ในระบบดิจิตอล และอีกหลายอย่าง รวมทั้ง AI เครื่องจักร พวกเขาพัฒนาขึ้นมาโดยตลอด
ข้อดี:
- ผสมผสานจุดแข็งของมนุษย์และ AI
- มนุษย์ควบคุมดูแล AI
- AI ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มนุษย์สามารถพัฒนาทักษะใหม่ ๆ
ข้อเสีย:
- จำเป็นต้องมีการฝึกอบรม
- จำเป็นต้องมีการออกแบบระบบ AI ที่เหมาะสม
- จำเป็นต้องมีกฎระเบียบควบคุมการใช้งาน AI
- รูปแบบการทำงานในอนาคต ไม่ได้เป็นการแข่งขัน
ท่านลองพิจารณา เลือกใช้อย่างที่ถูกต้อง แม้ว่า จะทำงานร่วมกันกับมนุษย์และ AI ในแบบไหนก็ตาม แต่อยากให้งานนั้นที่ออกมาได้สวยงามและมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็พอ
สรุปคือ
ทั้งการทำงานแบบคนกับคนและการทำงานแบบคนกับเครื่องจักร AI มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน รูปแบบการทำงานที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน ลักษณะขององค์กร และเป้าหมายขององค์กร
ในอนาคต เป็นไปได้ว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในโลกของการทำงานมากขึ้น แต่ AI ไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ทั้งหมด มนุษย์ยังคงเป็นผู้ควบคุม AI ออกแบบระบบ AI และทำงานที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ เช่น งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความสัมพันธ์ และความเข้าใจอารมณ์
สิ่งสำคัญ คือ การหาวิธีผสมผสานการทำงานแบบคนกับคน กับการทำงานแบบคนกับเครื่องจักร
Join the conversation